หลีเป๊ะสวยจริงหรือแค่เป็นการตลาดของไทย ?

ทุกวันนี้ทำไมใครๆก็ต่างพูดถึงเกาะหลีเป๊ะ ? จนเกิดคำถามว่า เกาะแห่งนี้มันมีความสวยงามจริงๆหรือเป็นแค่การตลาดกันแน่ ? ถ้าคุณผู้อ่านเกิดความสงสัยอย่างเดียวกันแล้วล่ะก็ ลองอ่านข้อมูลเหล่านี้แล้วตัดสินใจดูค่ะ

หลีเป๊ะ เป็นเกาะขนาดเล็กๆ ตั้งอยู่ในจังหวัดสตูล ในหมู่ตะรุเตา – อาดัง – ราวี ได้รับฉายาว่า “มัลดีฟส์ เมืองไทย” เพราะความสวยงามของน้ำทะเลใสสะอาดเหมือนกระจก หาดทรายขาวนุ่มนวลไม่บาดเท้า และเหล่าปะการังอ่อนหลากสีซึ่งคุณสามารถพบได้ในน้ำตื้น รวมทั้งความหลากหลายของสัตว์น้ำใต้ทะเล จึงทำให้เกาหลีเป๊ะได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งสำคัญ เปรียบได้ดั่งสวรรค์ของนักเดินทาง

ชายหาดทั้ง 3 ของเกาะหลีเป๊ะที่มีชื่อเสียง

บนเกาะหลีเป๊ะ มีชายหาดเพียง 3 แห่ง เริ่มจากชายหาดแห่งแรก คือ หาดพัทยา โดยในอดีตมีชื่อว่าหาดบันดาหยาแต่ต่อมาเพื่อนเป็นพัทยา เนื่องจากชายหาดแห่งนี้เป็นชายหาดที่มีรีสอร์ทและร้านอาหารอยู่หลายแห่ง จึงทำให้นักท่องเที่ยวเรียกชื่อเหมือนกับชายหาดพัทยา จังหวัดชลบุรี เหมาะกับนักท่องเที่ยวซึ่งชอบความครึกครื้นคึกคัก ชอบทำกิจกรรมยามค่ำคืน ชายหาดแห่งที่ 2 ได้แก่ หาดซันไรท์ หรือ หาดตะวันขึ้น ตั้งอยู่หน้าเกาะหลีเป๊ะทางทิศตะวันออก จึงทำให้เป็นชายหาดที่เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นในยามรุ่งเช้า อีกทั้งบริเวณนี้ยังมีหมู่บ้านชาวประมง ซึ่งเป็นชนพื้นเมือง เรียกว่า “ชาวมอแกน” ชายหาดสุดท้ายมีชื่อว่า ซันเซทบีช หรือหาดดวงอาทิตย์ตก เป็นชายหาดขนาดเล็ก แต่ความสวยงามนั้นยิ่งใหญ่ โดยเป็นชายหาดเพียงแห่งเดียวที่คุณสามารถชมวิวของทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดินได้จากบริเวณเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวสวยที่สุดของเกาะหลีเป๊ะ มีจุดเด่นคือ เป็นชายหาดอันเงียบสงบ ซึ่งมีความแตกต่างจากหาดพัทยา จึงเหมาะแก่การพักผ่อนทั้งร่ายกายและจิตใจ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเติมเต็มไฟในการทำงาน หรือค้นหาจิตวิญญาณของตัวเอง

สวรรค์ของโลกใต้น้ำ ณ หลีเป๊ะ ถือว่าเป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังอีกแห่งในประเทศไทยซึ่งห้ามพลาด เพราะมีปลาหลากหลายชนิดทั้งน้อยใหญ่ แหวกว่ายอยู่ใกล้กับปะการังอันอุดมสมบูรณ์ โดยมีเอกลักษณ์อยู่ตรง “ปะการัง 7 สี” , “ปลานีโม่” ตัวเล็กๆ สุดน่ารักว่ายอวดโฉมไปมา สีสันบนตัวปลาตัดกับสีของน้ำทะเลอย่างน่าชม นอกจากนี้ยังมี “ถนนคนเดิน” ซึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมาย ทั้งร้านค้า , เสื้อผ้า , ของที่ระลึก มาแบบไม่ต้องกลัวลำบากเลย

สุดท้ายแล้วความงามและคำบอกเล่าเกี่ยวกับเกาะหลีเป๊ะก็จะยังคงเป็นเรื่องชวนสงสัยอยู่ต่อไป ถ้าคุณผู้อ่านไม่ได้ไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง